Summary
โทคุงาว่า ยูซาคุ เป็นพ่อครัวอัจฉริยะในตำนาน เจ้าของฉายาโมซึ (ร้อยลิ้น) หลังจากที่เสียชีวิตไปร้านอาหารตะวันตกเล็กๆ ที่ทำก็ตกต่ำ หลานปู่คนเดียว โทคุงาว่า อาจิโนะสุเกะ (ป. 6) ที่อย่างอื่นไม่เอาไหนยกเว้นทำอาหารก็เป็นกุ๊กแทนแม่ที่ไม่มีฝีมือด้านนี้เลย วันหนึ่ง ชินงูจิ โทรุ เป็นอดีตหัวหน้าแผนกอาหารโรงแรมไดเทโคขุอันดับหนึ่งในวงการอาหารญี่ปุ่น (แต่สมัยก่อนก็แพ้ยูซาคุมาตลอด) ปัจจุบันเป็นนักชิมอาหารเจ้าของฉายาผู้ตรวจการประจำวงการอาหารที่มีอิทธิพลสูงที่สุดในญี่ปุ่น ได้ข่าวเลยมาร้านและสั่งข้าวราด อาจิโนะสุเกะโดนวิจารณ์ว่าพ่อครัวประถม ฝีมือประถม ทำให้ร้านไม่มีลูกค้า แม่เครียดจนป่วย อาจิโนะสุเกะเลยพยายามทำใหม่จนได้ยินเสียงจากอาหารและสามารถทำข้าวราดอันเป็นที่พอใจของชินงุจิได้ ในด้านสังคม อาจิโนะสุเกะมีเพื่อนหญิงที่สนิทกันคือ โฮโนกะ ที่คอยสนับสนุนอยู่ (อย่าไปคิดอะไรมากล่ะ)
อาจิโนะสุเกะได้ช่วยร้านโครเกต์ของบ้านรุ่นพี่นักเลงให้รอดจากการแข่งขันด้วยการพัฒนาโครเกต์แบบใหม่ ช่วยเพื่อนนักกีฬาว่ายน้ำหญิงที่กินอะไรไม่ลงเพราะไม่มีรสชาติ ถึงขนาดที่บ้านเชิญ อาโอยาม่า ฮิคารุ พ่อครัวดาวรุ่งดวงใหม่มาทำพาสต้า เธอก็ยังเป็นลม ตามด้วยไปเที่ยวบ้านญาติโฮโนกะที่ฮาโกดาเทะ ระหว่างทางได้รับเชิญไปพักบ้านบนเกาะของคนที่เจอ มีปู่เป็นชาวประมงชื่อดังผู้ป่วยหนักกระทันหัน แต่พายุทำให้ส่งโรงพยาบาลไม่ได้ ขอกินกุ้งอร่อยๆ แต่หากุ้งเป็นๆ ไม่ได้ เลยใช้สัตว์ที่กินกุ้งเป็นอาหารแทน (มองไม่ออกเลยว่าจะมีกลิ่นอายกุ้งได้อย่างไร แถมกินแล้วมีปาฏิหาริย์อีก) มีพ่อครัวเด็กอัจฉริยะ เคียวโงขุ ฮาจิเมะ (14 ปี) หลานพ่อครัวในตำนานเช่นกันมาท้าดวล สารท้าคือข้าวแกงกะหรี่ งานจริงชินงูจิให้หลานสาวไอดอลมาเป็นกรรมการ โจทย์คืออาหารที่ทำให้เกิดเสียงอร่อย (จขบ. อยากถามว่าแล้วตอนที่ตัดสินไม่ได้เลยให้คนดูออกความเห็นแต่ทำไมไม่ให้กินก่อน จบที่ให้ต่อคิวกินอาหารแข่งกันท่วมท้นทำให้งงว่าใครเป็นคนทำ เอาวัตถุดิบจากไหน!) ตามด้วยร้านขนมปังบ้านเพื่อนโดนแฮมเบอร์เกอร์ที่คนอเมริกันทำโจมตี (รู้สึกเรื่องจะ racist นะ แลบลิ้นบ่อยมาก)
ชินงูจิให้อาจิโนะสุเกะไปเรียนคือทำงานหลังเลิกเรียนกับอาจารย์มืออาชีพคือ เชฟเทนโด ที่ห้องอาหารฝรั่งเศสในโรงแรมอันดับหนึ่ง รับน้องเจอให้แข่งกับ โมโมตะ เด็กฝึกงานที่ออกจากบ้านตั้งแต่ 12 คู่แข่งทักทายกันด้วยข้าวห่อไข่ แข่งเป็นทางการแบบให้เห็นหน้าลูกค้าแล้วค่อยทำ งานนี้ดาราสาวขอข้าวดงบุริที่หอมกรุ่น (จขบ. สงสัยว่าเธอจะกินได้กี่ชามใหญ่! ส่วนรูปที่อยู่ในธรรมชาติก็ เอ่อ แฟนเซอร์วิส) ไม่นานก็มีแขกวีไอพีมา โมโมตะทอดเนื้อวัวแบบแดงให้ ทำให้แขกที่ไม่ชอบกินของดิบโวยแหลก ทำให้อาจิโนะสุเกะต้องแก้มือให้ (ตอนนี้ จขบ. สงสัยว่าพ่อครัวออกมามุงดู คุย ท้าทำอาหาร ได้ด้วยหรือ แถมของที่ทำแก้มือที่เป็นของดิบทั้งหมดก็ไม่ได้พิสดารอะไรจนไม่น่าเคยทานมาก่อนนะ จขบ. ยังเคยกินมาหมดแล้วเลย) เมื่ออาจิโนะสุเกะได้ทำอาหารขึ้นโต๊ะให้คนครัวก็เกิดการบอยคอร์ตไม่กินเนื่องจากผิดคอนเซปหัวใจของอาหารขึ้นโต๊ะ (แต่ จขบ. ว่าทิ้งของไม่กินนี่แย่กว่าอีก) ตบท้ายด้วยจานเด็ดคือซี่โครงหมูย่างนุ่มมากที่อาจิโนะสุเกะสามารถทำจนได้ ต่อด้วยให้รับมือคณะกรรมการตรวจสอบเมนูใหม่ที่ให้ตำแหน่งร้านในโรงแรม (แล้วไม่มีเชฟรองจะทำหรือ) บวกกับการเปิดเผยว่าเชฟเทนโดเป็นศิษย์ปู่ที่ตายตอนยังทำงานโรงแรม (ไหงตอนแรกบอกทำร้านเล็กๆ) จบเรื่องด้วยอะจิโนะสึเกะออกเดินทางฝึกฝีมือ …
อาหารก็ดูโอเคนะคะ แต่การดำเนินเรื่องรู้สึกออกเป๊ะเวอร์สไตล์ overbearing ที่ไม่ค่อยถูกจริตอย่างไรไม่ทราบ อย่างเรื่องที่พอผู้เชี่ยวชาญบอกไม่ดีก็ลูกค้าหายหมด ขนาดตัวเอกยังไม่เข้าใจเลย 555 แถมนอกจากผู้เชี่ยวชาญญี่ปุ่น ยังมีของอเมริกันโผล่แบบไม่มีปี่มีขลุ่ย บรรดาพ่อครัวมือฉมังและปัญหาโผล่มาเรื่อยๆ แต่ผ่านแล้วผ่านเลย ทำให้ไม่ค่อยมีความผูกพันธุ์กับตัวละครนัก บางที่เวลาอธิบายก็รู้สึกเหมือนไถลไปหน่อย สงสัยว่าทำไมอาหารต้องต่อชื่อว่าแห่งมนตราเกือบหมด (มันดูเฝือ! แบบว่า จขบ. เป็นพวกเบื่อง่าย) อ้อ จขบ. ต่อต้านการใช้แรงงานเด็ก 555 สรุปความชอบเรื่องนี้คืออ่านเรื่อยๆ เก็บแต้มล่ะค่ะ