Summary
เรื่องนี้มีมติให้เขียนลงแม็กกาซีนโดยทันที ถึงแม้จะมีสตอรี่บอร์ดเรื่องต้นแบบอยู่แล้ว แต่ทว่าสิ่งที่เหมือนกับเรื่องตีพิมพ์ประจํานั้นมีเฉพาะนางเอกกัลลีเท่านั้น กลายเป็นว่าต้องเริ่มงานโดยไม่มีเวลาคิดโครงเรื่องโดยรวม ไม่มีรายละเอียดปลีกย่อยอะไรเลย จากนั้นก็ต้องพึ่งจินตนาการตอนซุกตัวอยู่ในผ้าห่ม เป็นภาพเมืองเวหาพ่นขยะออกมาอย่างต่อเนื่อง แล้วขยะนั้นก็กลายมาเป็นเมืองบนผืนดิน ตอนนี้ผมไม่ได้คาดหวังว่าผลงานโดยรวมจะต้องออกมาสมบูรณ์แบบ แต่จะให้ความสําคัญกับแนวเรื่องในแต่ละตอน และการสร้างสรรค์สถานที่อันโดดเด่นมากกว่า เนื้อหาในเล่มนี้ลงตีพิมพ์ในแม็กกาซีนในปีเฮเซย์ที่ 3 (พ.ศ. 2534 ผู้แปล)
สำหรับการวาดภาพเมืองเศษเหล็กที่ถือเป็นเสมือนต่างโลกนั้น ผมได้ตั้งใจจะวาดจากมุมมองของนางเอกกัลลี สิ่งที่กัลลียังไม่เข้าใจ ณ ตอนนี้ก็ยังถือเป็นสิ่งที่เป็นปริศนาของผู้วาดอยู่เช่นกัน ในแง่ของสภาพจิตใจนั้นเธอเพิ่งเกิดใหม่ คาดว่าเธอน่าจะค่อยๆ รับรู้เรื่องราวมากมาย ทั้งความโกรธ ความกังวล การถูกทำร้าย และก็ค่อยๆ เติบโตขึ้นพร้อมกับรับรู้เรื่องโลกรอบตัวและรู้จักตนเองไปพร้อมกันด้วย หากจะกล่าวถึงใจความสำคัญของผลงานชิ้นนี้แล้ว คิดว่าไม่ใช่เรื่องมีชีวิตอยู่เพื่อต่อสู้ แต่จะเป็นการเล่าถึงสิ่งที่เปลี่ยนแปลงไปตลอดเวลา รวมถึงสิ่งที่จำเป็นต้องเปลี่ยนแปลงมากกว่า เนื้อหาในเล่มนี้ตีพิมพ์ในแม็กกาซีนในปีเฮเซย์ที่ 3 (พ.ศ. 2534-ผู้แปล)
มนุษย์ไม่ใช่สิ่งของ! แต่ถ้าหากคิดจะเป็นแล้วล่ะก็ ต่อให้หัวใจก็กลายเป็นเครื่องจักรได้ การมีชีวิตอยู่นั้นไม่ใช่เรื่องอัตโนมัติ! แต่การใช้ชีวิตแบบอัตโนมัติทั้งหมดนั้นย่อมสะดวกกว่าอยู่แล้ว การที่มนุษย์จะกลายเป็นหุ่นยนต์นั้นไม่ได้ต้องการเทคนิคอะไร แค่มีกลไกทํางานเหมือนแมลงก็พอ หุ่นยนต์มีความพึงพอใจแบบแมลงอยู่ มนุษย์มีสิทธิ์ไล่ตามความฝัน แต่การจะทําเช่นนั้นจัดว่าไม่ง่ายเลย เนื้อหาในเล่มนี้ตีพิมพ์ในแม็กกาซีน ในปีเฮเซย์ที่ 3 ถึงปีเฮเซย์ที่ 4 (พ.ศ.2534 – พ.ศ.2535 -ผู้แปล)
การที่ฝีมือเราไม่ถึงนั้น บางทีก็เป็นเพราะดวง… ชัดเจนแล้ว ปกติผมเป็นพวกไม่ยุ่งกับต้นฉบับที่ทําเสร็จแล้ว แต่สําหรับเล่มนี้มีการวาดเพิ่มใหม่ไปอีกสิบกว่าหน้า รวมถึงจัดลําดับใหม่ด้วย สําหรับช่วงหลังของมอเตอร์บอลนี้ ผมพบกับเงื่อนไขการทํางานที่ยากลําบากหลายประการ จึงรู้สึกเสียใจที่ต้องปิดต้นฉบับโดยที่งานยังไม่ค่อยสมบูรณ์แบบเท่าไหร่นัก แต่แบบนี้ก็รู้สึกสบายใจขึ้นมาบ้าง เมื่อได้ลองลงมือทํางานในลักษณะนี้เป็นครั้งแรกก็ได้รู้แล้วว่า “ศึกต่อเนื่อง” นั้นมันยากลําบากเพียงใด เนื้อหาในเล่มนี้ลงตีพิมพ์ในแม็กกาซีน ปีเฮเซย์ที่ 4 (พ.ศ.2535 -ผู้แปล)
สมัยประมาณ 20 ปีก่อน บริษัท T ได้ออกวางจําหน่ายตุ๊กตาที่เรียกว่า “ไซบอร์กหมายเลข 1” สูงประมาณ 20 เซนติเมตร วัสดุทําจากพลาสติกโปร่งใส ข้อต่อทั้งหมดขยับได้ ถือเป็นของคุณภาพดี ส่วนเครื่องในเป็นเครื่องจักร เปล่งประกายเป็นสีเงินวาว แล้วผมก็อยากจะสัมผัสด้านในโดยตรง จึงได้ทดลองปฏิบัติการทําลายล้างหลายวิธี แต่สุดท้ายแล้วก็ไม่สามารถทําลายร่างกายของ “บุรุษผู้นั้น” ได้ ต่อมาภายหลังได้มี “แอนดรอยด์ A” ซึ่งเป็นร่างวิวัฒนาการสามารถเปลี่ยนเครื่องในได้ด้วย แต่เนื่องจากมันแพงเกินไป จึงไม่มีใครซื้อร่างต้นแบบให้ สรุปว่าซื้อได้แต่ชิ้นส่วนเครื่องในสําหรับเปลี่ยน แล้วก็ได้เล่นเท่าที่มีครับ เนื้อหาในเล่มนี้ลงตีพิมพ์ในแม็กกาซีน ปีเฮเซย์ที่ 4 (พ.ศ.2535 -ผู้แปล)
สมัยเป็นเด็กดวงอาทิตย์เป็นสีเหลือง ร้อนแรงยิ่งใหญ่กว่าตอนนี้ หน้าบ้านมีรถบักกี้โทรมๆ ที่พ่อสร้างขึ้น รอบบ้านมีพื้นที่รกร้างกว้างขวางที่เกิดจากการถางป่า มีรากไม้ขนาดมหึมาอยู่มากมาย ส่วนที่พื้นก็มีมดจํานวนนับไม่ถ้วนวิ่งไปมาอย่างอลหม่าน มีไอร้อนจากพื้น มีกลิ่นยางมะตอยโดนความร้อนแผดเผาจนแตก ส่วนพวกแมลง กบ งู ก็โดนแผดเผาจนไหม้เกรียมอยู่ประปรายทั่วไป ในวันอาทิตย์ที่สุดแสนร้อนไม่มีผู้ใหญ่มาคอยควบคุม ไร้กฎระเบียบ มีเพียงดวงสุริยะ ความไร้ระเบียบ และความตายเท่านั้น ผมชอบแบบนี้แหละ เนื้อหาในเล่มนี้ลงตีพิมพ์ในแม็กกาซีน ปีเฮเซย์ที่ 4 ถึง ปีเฮเซย์ที่ 5 (พ.ศ. 2535-2536-ผู้แปล)
โธ่! เป็นมนุษย์นี่ช่างไม่สะดวกเอาเสียเลย หิวทุก 6 ชั่วโมง ง่วงนอนทุก 18 ชั่วโมง ร่างกายก็เหนื่อยล้า ที่จริงแล้วผมอยากจะวาดการ์ตูนติดต่อกันไปเรื่อยๆ! ถ้าหากมีโอกาสเป็นไซบอร์กล่ะก็ จะเอากระเพาะออก แล้วติดถังเก็บน้ําตาลกลูโคสแทน ส่วนขาก็จะดัดแปลงเป็นตีนตะขาบ และก็จะติดสวิตช์ไว้ที่สมองเพื่อควบคุมเซโรโทนิน ฮอร์โมนในสมองที่ก่อให้เกิดอาการง่วงนอน …แต่ถ้าทําแบบนั้นล่ะก็ ความสนุกที่จะได้ฝันก็หายไปสินะ เนื้อหาในเล่มนี้ลงตีพิมพ์ในแม็กกาซีน ปีเฮเซย์ที่ 5 (พ.ศ. 2536-ผู้แปล)
ทุกท่านเอะใจเรื่องปกหลังบ้างหรือเปล่า!? เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องการปล่อยปละละเลย มีการจัดพิมพ์บาร์โค้ดอย่างชัดเจน เป็นข้อมูลเรื่องการวางแผงและจัดจําหน่ายไง!! ไม่ได้มีแต่ฉบับพิมพ์ใหม่ด้วยนะ ทราบมาว่าสําหรับปีหน้า (ปี ค.ศ.1995) เล่ม 1-7 ที่จัดพิมพ์ใหม่ ก็จะไม่มีภาพบนปกหลังแล้ว! โธ่ว้อย… ทุกคนรับรู้ไว้บ้างก็ดีนะ ในอนาคตอาจจะมียุคสมัยที่มนุษย์จะโดนติดบาร์โค้ดก็ไม่แน่ แต่ถ้าเป็นแบบนั้นล่ะก็ เอาไว้เล่นบาร์โค้ดแบตทเลอร์ดีกว่า เนื้อหาในเล่มนี้ลงตีพิมพ์ในแม็กกาซีน ปีเฮเซย์ที่ 5 ถึง ปีเฮเซย์ที่ 6 (พ.ศ. 2536-2537 -ผู้แปล)
พออ่านจดหมายจากนักอ่านแล้ว ก็คิดว่า “กันมุที่คนนี้ประทับใจอยู่นั้น ใช่กันมุที่เรารู้จักแน่เหรอ…?” ดูเหมือนว่ามุมมองของผู้แต่งเรื่องและผู้อ่านจะต่างกันถึงขั้นนั้นเลย ผลงานที่เป็นร่างรวมระหว่างกระดาษและน้ําหมึกนั้น เป็นเพียงสื่อที่ส่งผ่านไปยังสมองของผู้อ่านเท่านั้น ภาพจินตนาการในสมองนักอ่านนั้นต้องทําให้โดพามีนพุ่งพล่านอย่างแน่นอน พออ่านครั้งแรกก็รู้สึกสนุก อ่านครั้งที่สองก็จะเห็นอะไรลึกซึ้งขึ้น แล้วพอเวลาผ่านไปก็ค้นพบอะไรมากขึ้นอีก…… ผมอยากจะสร้างสรรค์ผลงานแบบนั้นแหละครับ เนื้อหาในเล่มนี้ลงตีพิมพ์ในแม็กกาซีน ปีเฮเซย์ที่ 6 ถึง ปีเฮเซย์ที่ 7 (พ.ศ. 2537-2538 -ผู้แปล)